การเพาะพันธ์มะละกอ

มะละกอสามารถที่จะขยายพันธุ์ได้ อาทิ การเพาะด้วยเมล็ด หรือการปักชำการตอนกิ่ง เป็นต้น แต่วิธีที่นิยมกันมากที่สุดก็คือการใช้เมล็ด เพราะเป็นวิธีที่สามารถทำได้ง่ายและสะดวก แถมยังได้ได้พันธุ์ที่สมบูรณ์แข็งแรงอีกด้วย วันนี้เราขอนำเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆ การขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดมาฝากกันครับ

สมัครได้ที่สำนักงานเกษตร โดยเมล็ดพันธุ์ที่เราจะนำมาใช้นั้นควรนำเอาจากต้นของมะละกอที่มีผลสุกแบบเต็มที่ เพราะจะทำให้เราได้ผลผลิตที่สูง เมล็ดสุกที่นำมาสามารถนำไปเพาะได้โดยทันที โดยที่เราไม่ต้องนำไปตากแดด แต่ก่อนที่จะนำไปปลูกนั้นควรทำการล้างส่วนที่เป็นเนื้อเยือออกให้หมดก่อน แต่ในกรณีที่เราจะเก็บเมล็ดไว้เป็นเวลานาน ควรนำเมล็ดมาทำการตากแดดให้แห้งเสียก่อน แล้วหม้กเมล็ดสดๆ ไว่ในถุงที่เป็นพลาสติก และทำการเก็บไว้ในที่ร่มประมาณ 2 – 5 วัน หลังจากนั้นให้เรานำเมล็ด มาล้างน้ำให้สะอาด แล้วค่อยนำไปผึ่งแดด ทิ้งไว้ประมาณ 2 – 3 แดด เมล็ดพันธุ์นั้นก็จะสามารถเก็บได้นานอาจจะถึง 6 ปีเลยทีเดียว

1.ให้นำเมล็ดแช่ในน้ำอุ่นแล้วปล่อยทิ้งไว้ 1 คืน แล้วนำมาคัดเมล็ดที่ลอยน้ำทิ้ง จากนั้นให้นำเมล็ดพันธุ์มะละกอมาห่อด้วยผ้าขาวขนาดบาง แล้วนำไปทิ้งไว้อีกชัก 2 – 3 วัน หรือาจจะเก็บไว้ในถุงพลาสติกก็ได้ แล้วทำการมัดปากถุงให้แน่น เก็บไว้ในที่ร่ม ประมาณ 5-7 วัน จะทำให้เปลือกของเมล็ดพันธุ์นั้น เริ่มปริแตก และเห็นรากสีขาวๆ แทงออกมาเล็กน้อย 3.เมื่ออต้นกล้ามะละกออายุได้ประมาณ 20 วัน ให้นำน้ำหม้กจากเศษปลา มาผสมกับน้ำในอัตตาส่วน 30 CC .ต่อน้ำ 20 ลิตร เพื่อเป็นการบำรุงต้นกล้า จนเมื่อต้นกล้าพันธุ์มีอายุได้ประมาณ 40 วัน ค่อยทำการย้ายลงปลูกที่แปลงได้

มะละกอนั้นเป็นพืชที่ชอบสภาพดินที่เป็นดินร่วนปนทราย และก็ชอบน้ำอย่างเพียงพอตลอดทั้งปี แต่ไม่ชอบน้ำขัง ยิ่งถ้าได้รับแสงแดดที่เพียงพอจะเจริญเติบโตได้ดี การจะปลูกมะละกอไม่ควรปลูกใกล้ชิดมากจนเกินไปเพราะว่า มะละกอมีก้านใบยาว โดยระยะที่เหมาะสมก็คือ 3 x 2.5 เมตร หรือประมาณ 3 x 3 เมตร หรือ 3 x 4 เมตร ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ แปลงควรมีการขุดหลุมขนาดกว้าง x ยาว x ลึก 50 ซม. และให้ทำการรองก้นที่หลุมด้วยบุ๋ยคอก หรือบุ๋ยหมัก 10 Kg การรดน้ำ ถ้าเป็นไปได้ควรใช้แบบสปริงเกอร์เพราะจะทำให้ความชื้นได้สม่ำเสมอทั่วแปลง มีส่วนช่วยให้มะละกอออกผลได้ตลอดทั้งปี